Connect with us

Scoop

หลาน JFK แฉ USAID-เพนตากอน ย้ายแลบอาวุธชีวภาพไปอู่ฮั่น หลังโอบามาสั่งปิดแลบทั่วสหรัฐเมื่อปี 57

Published

on

วันที่ 15 มีนาคม 2566 นายโรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดีย์ จูเนียร์ (Robert F. Kennedy Jr.) หลานชายของนายจอห์น เอฟ. เคนเนดีย์ (John F. Kennedy หรือ JFK) อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์ในรายการ The Jimmy Dore Show เกี่ยวกับประเด็นที่ดร.แอนโทนี เฟาซี อดีตที่ปรึกษาด้านสาธารณสุขของประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีส่วนเกี่ยวข้องกับห้องแลบพัฒนาอาวุธชีวภาพ ที่เคยมีในสหรัฐฯ แลบอู่ฮั่นในประเทศจีน และเชื้อโรคที่ทำให้เกิดวิกฤตโรคระบาดจนมาถึงปัจจุบัน
.
โดยทวิตเตอร์แอคเคาต์ @KanekoaTheGreat ได้นำคำให้สัมภาษณ์ของนายโรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดีย์ จูเนียร์ มาเรียบเรียง พร้อมกับคลิปหลักฐานและข้อมูลเพิ่มเติมมาเผยแพร่ ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้

นายโรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดีย์ จูเนียร์ ระบุว่า ปี 2545-2546 หลังเหตุการณ์ก่อการร้าย 9-11 นายดิค เชนีย์ (Dick Cheney) รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในขณะนั้น ได้มอบงบประมาณ 2.2 พันล้านดอลลาร์ ให้แก่สถาบันสาธารณสุขแห่งชาติสหรัฐฯ หรือ NIH (National Institute of Health) ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงสุขภาพและบริการมนุษย์สหรัฐ โดยงบ 2.2 พันล้านดอลลาร์ เป็นงบส่วนหนึ่งจากร่างกฎหมายด้านการทหาร Patriot Act โดยมีนายแพทย์แอนโทนี เฟาชี (Anthony Fauci) เป็นผู้อำนวยการสถาบัน NIH แต่สิ่งที่น่าสนใจก็คือ นพ.เฟาชี ได้รับเงินเดือนเพิ่ม 68% จากการพัฒนาอาวุธชีวภาพให้กับกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ หรือเพนตากอน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่นพ.เฟาชี เริ่มทำห้องแลบพัฒนาอาวุธชีวภาพ (Gain-of-function) ให้กับรัฐสหรัฐฯ


หลาน JFK เปิดเผยว่า นพ.แอนโทนี เฟาชี บริหารจัดการห้องแลบอาวุธชีวภาพของกองทัพสหรัฐฯ ซึ่งมีทั้งหมด 18 แห่งในสหรัฐฯ แต่ในปี 2557 เกิดเหตุการณ์เชื้อโรครั่วไหลออกจากห้องแลบหลายแห่ง ทำให้นักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกันกว่า 300 คน ต้องยื่นหนังสือถึงนายบารัค โอบามา (Barack Obama) ปธน.สหรัฐฯ ในขณะนั้น เพื่อแสดงความกังวลให้รัฐบาลสหรัฐฯ ได้รับทราบว่า การกระทำของ นพ.เฟาชี จะก่อให้เกิดวิกฤตโรคระบาด และเรียกร้องให้ปธน.โอบามา สั่งให้นพ.เฟาชี หยุดทำการทดลองอาวุธชีวภาพทั้งหมด ซึ่งปธน.โอบามา ก็มีคำสั่งให้ปิดห้องแลบอาวุธชีวภาพ 18 แห่งทั้งหมดทั่วสหรัฐฯ

นายโรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดีย์ จูเนียร์ กล่าวต่อไปว่า แม้ว่าห้องแลบอาวุธชีวภาพทั่วสหรัฐฯ จะถูกสั่งปิดไปแล้ว แต่พวกเขาก็ยังไม่ลดละเลิกความพยายาม โดยนพ.แอนโทนี เฟาชี ได้ร่วมมือกับเพนตากอน, USAID (NGO ของ CIA) และ EcoHealth Alliance (อีกหนึ่ง NGO ด้านสาธารณสุขของ CIA) ในการเคลื่อนย้ายห้องแลบอาวุธชีวภาพในสหรัฐฯ ไปที่ไว้ในประเทศจีน ซึ่งก็คือ สถาบันวิทยาไวรัสอู่ฮั่น (Wuhan Institute of Virology) ห้องแลบอาวุธชีวภาพของกองทัพจีน โดยมี ดร.ราล์ฟ บาริค (Ralph Baric) นักจุลชีววิทยาชาวอเมริกัน เป็นผู้ถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีด้านอาวุธชีวภาพ ให้กับสถาบันวิทยาไวรัสอู่ฮั่น

หลาน JFK ยังระบุอีกด้วยว่า นพ.เฟาชี ในฐานะผอ.สถาบัน NIH สนับสนุนงบประมาณ 212 ล้านดอลลาร์ ให้แก่ดร.บาริค ในการพัฒนาห้องแลบอาวุธชีวภาพ ที่สถาบันวิทยาไวรัสอู่ฮั่น ในขณะที่ USAID สนับสนุนเงินให้แก่ดร.บาริคและสถาบันวิทยาไวรัสอู่ฮั่น มากกว่าสถาบัน NIH ถึง 10 เท่า โดยที่ห้องแลบอู่ฮั่นแห่งนี้ มีการวิจัยและพัฒนาโคโรนาไวรัส รวมอยู่ด้วย ซึ่งก่อนที่จะเกิดวิกฤตโรคระบาดไปทั่วโลกนั้น นางเอวริล เฮนส์ (Avril Haines) อดีตรองผอ.CIA ก็ได้เริ่มวางแผนตั้งแต่เดือนตุลาคม 2562 ว่าจะเซ็นเซอร์หรือปิดกั้นโซเชียลมีเดียแต่ละแพลตฟอร์มอย่างไร เมื่อประชาชนเริ่มพูดถึงเรื่องเชื้อโรครั่วไหลจากแลบอู่ฮั่น โดยในปัจจุบัน นางเอวริล เฮนส์ ดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติสหรัฐฯ (Director of National Intelligence)

อย่างไรก็ตาม เมื่อช่วงกลางปี 2564 นพ.แอนโทนี เฟาชี ได้เข้าให้การต่อคณะกรรมาธิการวุฒิสภาสหรัฐฯ โดยส.ว.แรนด์ พอล (Senator Rand Paul) ถามนพ.เฟาชี อย่างเคร่งเครียดว่า รัฐบาลสหรัฐฯ โดยสถาบัน NIH ของนพ.เฟาชี ได้ให้เงินสนับสนุนห้องแลบพัฒนาอาวุธชีวภาพ ของสถาบันวิทยาไวรัสอู่ฮั่น หรือไม่? แต่นพ.เฟาชี ตอบปฏิเสธว่า สถาบัน NIH ไม่ได้ให้เงินสนับสนุนห้องแลบอู่ฮั่น แม้ว่าส.ว.แรนด์ พอล จะย้ำเตือนว่า เมื่อผู้เข้าให้การต่อคณะกรรมาธิการฯ สาบานว่าจะพูดความจริง แต่กลับให้การด้วยคำพูดที่ไม่เป็นความจริง จะมีโทษร้ายแรงถึงขั้นจำคุก แต่นพ.เฟาชี ก็ยังยืนยันว่า สถาบัน NIH ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และไม่ได้ให้เงินสนับสนุนห้องแลบอู่ฮั่น

แต่ทางด้านของอดีตผู้อำนวยการกรมควบคุมโรคสหรัฐฯ ดร.โรเบิร์ต เรดฟิลด์ (Dr. Robert Redfield) ที่เข้าให้การต่อคณะกรรมาธิการสภาคองเกรส ดร.เรดฟิลด์ กลับให้การว่า นพ.เฟาชี นำเงินภาษีของชาวอเมริกันไปสนับสนุนห้องแลบอาวุธชีวภาพที่พัฒนาเชื้อโควิด และไม่ใช่เฉพาะสถาบัน NIH ของ นพ.เฟาชี เท่านั้น แต่กระทรวงต่างประเทศ USAID และเพนตากอน ก็ให้เงินสนับสนุนห้องแลบอาวุธชีวภาพด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ นายโรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดีย์ จูเนียร์ ยังเปิดเผยอีกด้วยว่า หลังเหตุการณ์ก่อการร้าย 9-11 รัฐบาลสหรัฐฯ ในสมัยปธน.จอร์จ ดับเบิลยู. บุช (George W. Bush) มีส.ว.อยู่ 2 ท่านที่ขัดขวางไม่ให้ผ่านร่างกฎหมายด้านการทหาร Patriot Act คือ ส.ว.ทอม แดสเชิล (Tom Daschle) และส.ว.แพทริค ลีฮีย์ (Patrick Leahy) ต่อมาก็มีจดหมายบรรจุเชื้อแอนแทรกซ์ ถูกส่งไปที่สำนักงานของส.ว. 2 ท่านนี้ และสำนักข่าวหลายแห่ง ทำให้มีผู้เสียชีวิต 5 ราย และบาดเจ็บ 17 ราย ซึ่งรัฐบาลอิรัก ภายใต้การนำของ นายซัดดัม ฮุสเซน ในขณะนั้น ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการส่งจดหมายเชื้อแอนแทรกซ์ ทำให้ส.ว.ทั้ง 2 ท่านยอมผ่านร่างกฎหมาย Patriot Act แต่เมื่อเหตุการณ์ผ่านไป หน่วยสืบสวน FBI พบว่าจากทั่วทุกมุมโลก มีหน่วยงานเดียวเท่านั้น ที่มีเชื้อแอนแทรกซ์ไว้ในครอบครอง นั่นก็คือห้องแล็บอาวุธชีวภาพ ‘ฟอร์ต เดทริค’ (Fort Detrick) ของ CIA


แหล่งข่าว

  • https://youtu.be/GkkApJEvYpI
  • https://twitter.com/KanekoaTheGreat/status/1636123938911825920

ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Website : http://www.thailandvision.co
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision

Continue Reading
Advertisement

Scoop

ผู้บริหารไฟเซอร์ เผย แอบพัฒนาเชื้อโควิดกลายพันธุ์ใหม่ที่รุนแรงขึ้น เพื่อสร้างวัคซีน

Published

on

วันที่ 26 มกราคม 2566 สำนักข่าว THE HILL สำนักข่าว Fox News และสำนักข่าว Daily Mail รายงานว่า Project Veritas สื่อทางเลือกในสหรัฐฯ ได้ทำข่าวสืบสวนสอบสวน โดยให้ผู้สื่อข่าวคนหนึ่ง ปลอมตัวเข้าไปติดต่อพูดคุยกับผู้บริหารระดับสูงของบริษัทไฟเซอร์ จนพบว่าบริษัทชีวเภสัชภัณฑ์ยักษ์ใหญ่แห่งนี้ กำลังทำการทดลองที่อื้อฉาวและอันตรายร้ายแรงเป็นอย่างมาก ซึ่งผู้บริหารระดับสูงไฟเซอร์ก็ยอมรับว่า เชื้อโรคนี้เป็นธุรกิจที่จะยังคงทำเงินได้อีกต่อไป

สำนักข่าว Project Veritas ได้ส่งผู้สื่อข่าวปลอมตัวไปออกเดทกับนายจอร์ดอน ทริชตัน วอล์กเกอร์ (Jordon Trishton Walker) หัวหน้าแผนกวิจัยและพัฒนาฯ โดยผู้สื่อข่าวมีการซุกซ่อนกล้องไว้ขณะกำลังออกเดท ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในกรุงนิวยอร์ก ซึ่งผู้สื่อข่าว Project Veritas หลอกล่อให้ผู้บริหารไฟเซอร์ท่านนี้ เล่าเรื่องการงานหน้าที่ของเขา

นายจอร์ดอน ทริชตัน วอล์กเกอร์ ไม่รู้ว่า ชายที่เขามาออกเดทด้วยนั้น เป็นผู้สื่อข่าวจาก Project Veritas และเพื่อให้ชนะใจคู่เดทของเขา นายวอล์กเกอร์จึงเปิดเผยข้อมูลภายในว่า บริษัทไฟเซอร์กำลังทำการทดลองหาวิธีทำให้เชื้อกลายพันธุ์ แล้วสร้าง “สินค้าใหม่” สำหรับเชื้อโรคที่ถูกทำให้กลายพันธุ์ ซึ่งหมายความว่า เป็นการทดลองที่จงใจทำให้เชื้อกลายพันธุ์ ด้วยฝีมือของนักวิจัยบริษัทไฟเซอร์ ไม่ใช่การกลายพันธุ์เองตามธรรมชาติ เหมือนช่วงวิกฤตโรคระบาดที่ผ่านมาตลอด 3 ปี

ผู้บริหารไฟเซอร์ท่านนี้ ยังกล่าวกับผู้สื่อข่าว Project Veritas อีกว่า การทดลองการกลายพันธุ์ของเชื้อโรค ก็เพื่อผลิตเชื้อโรคสายพันธุ์ที่มีศักยภาพมากกว่าเดิม ซึ่งการทดลองนี้ยังคงดำเนินต่อไป โดยนายจอร์ดอน ทริชตัน วอล์กเกอร์ มองว่าเชื้อโรคนี้จะเป็นตัวทำเงิน (cash cow) ต่อไปได้อีก

ต่อมา ทีมงานผู้สื่อข่าว Project Veritas ได้แสดงตัวในร้านอาหาร พร้อมกับยิงคำถามไปยังนายจอร์ดอน ทริชตัน วอล์กเกอร์ ว่าทำไมบริษัทไฟเซอร์เก็บความลับไม่ให้สาธารณชนรู้ว่า บริษัทไฟเซอร์กำลังทำการทดลองที่จะทำให้เชื้อกลายพันธุ์ ซึ่งการแสดงตัวของทีมงานผู้สื่อข่าว Project Veritas ทำให้นายวอล์กเกอร์รู้สึกตกใจและไม่พอใจเป็นอย่างมาก เมื่อรู้ว่าโดนทีมงานสำนักข่าว Project Veritas ล้วงความลับและเปิดโปงสิ่งที่บริษัทไฟเซอร์กำลังทำอยู่ โดยนายวอล์กเกอร์พยายามโทรแจ้งตำรวจ และยังทำลายเครื่องไอแพดของทีมงาน Project Veritas อีกด้วย

ทั้งนี้ หากเข้าไปค้นหาข้อมูลในเว็บไซต์ Google เกี่ยวกับข้อมูลที่สำนักข่าว Project Veritas เปิดโปงนายจอร์ดอน ทริชตัน วอล์กเกอร์ และบริษัทไฟเซอร์ ก็พบว่ามีการเปลี่ยนแปลงระบบการค้นหาของ Google คล้ายกับว่าเป็นความพยายามเซ็นเซอร์ หรือความพยายามปิดกั้นการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร
.
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2566 สำนักข่าว Project Veritas ยังได้ทวีตข้อความและรูปภาพ ระบุว่า คลิปข่าวเปิดโปงนายจอร์ดอน ทริชตัน วอล์กเกอร์ และบริษัทไฟเซอร์ ได้ถูก YouTube เซ็นเซอร์ด้วยการลบคลิปออกจากแพลตฟอร์ม YouTube อย่างถาวร โดย YouTube อ้างว่า มีเนื้อหาสาระที่ละเมิดกฎระเบียบชุมชน (Community Guidelines)
.
อย่างไรก็ตาม สำนักข่าว Project Veritas ได้นำภาพหลักฐานข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับนายวอล์กเกอร์และบริษัทไฟเซอร์ มาเปิดเผยในแพลตฟอร์ม Twitter ส่วนคลิปข่าวเปิดโปงนายจอร์ดอน ทริชตัน วอล์กเกอร์ และบริษัทไฟเซอร์ ก็ยังคงมีอยู่ใน Twitter โดยในปัจจุบันนั้น นายอีลอน มัสก์ (Elon Musk) เป็นเจ้าของแพลตฟอร์ม Twitter ซึ่งนอกจากจะเซ็นเซอร์ข้อมูลข่าวสารน้อยลงแล้ว นายอีลอน มัสก์ ยังได้เปิดเผยเอกสารภายในบริษัท Twitter เพื่อเปิดโปงความฉ้อฉลต่าง ๆ ของหน่วยงานรัฐและเอกชนในสหรัฐฯ
.
ทางด้านของ ดร.โรเบิร์ต ดับเบิลยู. มาโลน (Dr. Robert W. Malone) นักชีวเคมีและแพทย์ชาวอเมริกัน ผู้ร่วมคิดค้น “เอ็ม-อาร์-เอ็น-เอ” ได้ทวีตข้อความระบุว่า 1. ทีมนักกฎหมายของบริษัทไฟเซอร์ยังให้ความช่วยเหลือนายจอร์ดอน ทริชตัน วอล์กเกอร์ 2. ไม่มีผู้ใดออกมาปฏิเสธสิ่งที่นายวอล์กเกอร์พูดในคลิป 3. ไม่มีใครปฏิเสธว่าเขาเป็นพนักงานบริษัทไฟเซอร์ 4. การสลับหนามโปรตีนของเชื้อเพื่อให้เชื้อกลายพันธุ์ ก็คือการพัฒนาเชื้อให้รุนแรงยิ่งขึ้น หรือก็คือการพัฒนาอาวุธชีวภาพ (Gain of Function)
.
ทั้งนี้ แม้ว่าสำนักข่าว Daily Mail ของสหราชอาณาจักร จะลบข่าวการเปิดโปงผู้บริหารระดับสูง และเปิดโปงข้อมูลการทดลองให้เชื้อกลายพันธุ์ของบริษัทไฟเซอร์ แต่ก็มีการบันทึกข้อมูลข่าวไว้เป็นที่เรียบร้อย ในรูปแบบ archive


แหล่งข่าว

  • https://web.facebook.com/watch/?v=582785723691660
  • https://youtu.be/7-LamoxBvW0
  • https://twitter.com/TuckerCarlson/status/1619000631074635776
  • https://archive.is/2023.01.26-083937/https://www.dailymail.co.uk/news/article-11678281/Undercover-footage-reveals-Pfizer-exploring-manipulating-COVID-make-potent.html
  • https://fb.watch/iliRJxgiVe/
  • https://twitter.com/Project_Veritas/status/1618405890612420609
  • https://fb.watch/iljS6a5rDe/
  • https://youtu.be/u5n7RRKgDog
  • https://twitter.com/Project_Veritas/status/1618743338852835329
  • https://twitter.com/Project_Veritas/status/1619116856207622145
  • https://twitter.com/Project_Veritas/status/1619128177082908672
  • https://twitter.com/RWMaloneMD/status/1619238577283694594

ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Website : http://www.thailandvision.co
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision

Continue Reading

Scoop

8 ชาติ แบน “จอร์จ โซรอส” หยุดแทรกแซงประเทศ

Published

on

ความเคลื่อนไหวทางการเมืองของไทย ที่ค่อนข้างตึงเครียดในปัจจุบันนั้น ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า องค์กรเครือข่ายต่างชาติ เข้ามาเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง องค์กรนิรโทษกรรมสากล หรือ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชันแนล (Amnesty International) และฮิวแมนไรท์วอทช์ (Human Rights Watch – HRW) 

ทั้ง 2 องค์กรนี้ มีการเปิดเผยมาก่อนแล้วว่า ได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิ Open Society Foundations ของนายจอร์จ โซรอส ทำให้มีการประเมินว่า นายจอร์จ โซรอส พยายามแทรกแซงการเมืองภายในของราชอาณาจักรไทย

แต่ไทยไม่ได้เป็นประเทศเดียว ที่เครือข่ายของนายโซรอสพยามแทรกแซง เพราะมีหลายประเทศทั่วโลกที่ถูกองค์กรของนายโซรอสแทรกแซงการเมือง แล้วก็มีประเทศเช่นกันที่โต้ตอบกลับ จนสามารถหยุดยั้งการแทรกแซงจากเครือข่ายของนายโซรอสได้สำเร็จ ซึ่งประเทศที่สามารถแบน หรือหยุดการแทรกแซงจากเครือข่ายนายโซรอสได้สำเร็จ มีดังนี้

1.ฟิลิปปินส์ 

วันที่ 6 พฤษภาคม 2560 สื่อต่างประเทศรายงานว่า นายจอร์จ โซรอส มีกำหนดการมาเยือนประเทศฟิลิปปินส์ โดยเป็นกำหนดการมาเยือนเพื่อสนับสนุนงานด้านมนุษยธรรม แต่นายโซรอสกลับต้องยกเลิกการมาเยือน เมื่อนายโรดริโก ดูเตอร์เต (Rodrigo Duterte) ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ประกาศเตือนนายโซรอสว่า เขาจะตั้งค่าหัวไล่ล่านายโซรอส หากนายโซรอสมาเยือนฟิลิปปินส์

ประธานาธิบดีดูเตอร์เต และประชาชนส่วนใหญ่ในฟิลิปปินส์ จำได้เป็นอย่างดีว่า นายโซรอสเป็นผู้อยู่เบื้องหลังวิกฤตเศรษฐกิจของไทย และมาเลเซีย เมื่อปี 1997 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของวิกฤตเศรษฐกิจทั่วภูมิภาคเอเชีย แล้วชาวฟิลิปปินส์จำนวนมากก็มองว่า นายโซรอสมีจุดประสงค์ที่ต้องการ “แบ่งแยกแล้วครอบครอง” หรือ “divide and conquer” ทั้งยังคอยควบคุมสื่อต่างประเทศหลายแห่งอีกด้วย

ประธานาธิบดีดูเตอร์เต ยังเคยกล่าวถึง Human Rights Watch (HRW) องค์กร NGO ที่วิพากษ์วิจารณ์นโยบายของรัฐบาลดูเตอร์เตบ่อยครั้ง โดยนายดูเตอร์เตกล่าวว่า “องค์กร Human Rights Watch จากกรุงนิวยอร์กนั้น เป็นของนายโซรอส นายโซรอสเป็นนายทุน นั่นแหละเขา เขาเป็นคนให้เงิน”

นอกจากนี้ เพียงไม่กี่สัปดาห์ ก่อนที่นายโซรอสจะมีกำหนดการมาเยือนฟิลิปปินส์ สส.เสียงส่วนใหญ่ในรัฐสภาฟิลิปปินส์ ยังโหวตผ่านร่างกฎหมายประหารชีวิต ซึ่งตรงข้ามกับความต้องการของนายโซรอส ที่ต้องให้การทุกประเทศทั่วโลกยกเลิกโทษประหารชีวิต

หลังจากที่ร่างกฎหมายประหารชีวิตได้รับความเห็นชอบจากสส.ฟิลิปปินส์ ประธานาธิบดีดูเตอร์เตก็ได้พูดออกสื่อ ประกาศไปยังนายโซรอสว่า “มีสถานที่พิเศษในนรก สำหรับคนโง่เง่าอย่างคุณ ถ้าก้าวเท้าเข้ามาในประเทศนี้แล้ว หน้าที่ของผมคือส่งคุณไปยังสถานที่แห่งนั้นโดยตรง”

อย่างไรก็ตาม หากเรียงลำดับเหตุการณ์ต่าง ๆ ในฟิลิปปินส์เมื่อปี 2560 ทั้งเหตุการณ์ทางการเมือง และเหตุการณ์ความรุนแรง ก็พบว่ามีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก โดยเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2560 สื่อต่างประเทศรายงานว่า ประธานาธิบดีดูเตอร์เตประกาศว่า จะขับไล่สถาบันการเงินของตระกูลรอธส์ไชลด์ (Rothschilds) ออกไปจากฟิลิปปินส์ ก่อนที่จะมีข่าวเมื่อ 6 พฤษภาคม 2560 ที่ระบุว่า ประธานาธิบดีดูเตอร์เตจะตั้งค่าหัวไล่ล่านายโซรอส และเมื่อมาถึงวันที่ 23 พฤษภาคม 2560 ก็เกิดเหตุการณ์กองกำลังติดอาวุธของกลุ่มรัฐอิสลาม (ISIS/Islamic State) บุกถล่มเกาะมินดาเนา ทางตอนใต้ของฟิลิปปินส์ จนประธานาธิบดีดูเตอร์เต ต้องประกาศใช้กฎอัยการศึกทั่วเกาะมินดาเนา

2. รัสเซีย

วันที่ 30 พฤศจิกายน 2558 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า รัสเซียสั่งปิดองค์กรของนายจอร์จ โซรอส โดยสำนักงานอัยการสูงสุดของรัสเซีย ได้ขึ้นบัญชีองค์กร Open Society Foundations (OSF) และ Open Society Institute Assistance Foundation ให้อยู่ในบัญชีกลุ่มองค์กร “ไม่เป็นที่พึงปรารถนา” เนื่องจากทั้ง 2 องค์กรของนายโซรอส มีพฤติกรรมที่เป็นภัยคุกคามต่อระบบการใช้กฎหมาย และเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของรัสเซีย
.
นอกจากกิจการภายในของรัสเซียแล้ว นายจอร์จ โซรอส ก็เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจการภายในของยูเครน ซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านของรัสเซีย แต่รัฐบาลยูเครนเป็นรัฐบาลที่เป็นมิตรกับตะวันตกและต่อต้านรัสเซีย โดยช่วงต้นปี 2558 นายโซรอสพยายามเรียกร้องให้กลุ่มประเทศตะวันตก สนับสนุนเงิน 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (1.5 ล้านล้านบาท) ให้แก่รัฐบาลยูเครน สำหรับใช้เป็นงบประมาณกลาโหม เพื่อสู้รบกับรัสเซีย ส่งผลให้นายโซรอสกลายเป็นภัยคุกคามสำหรับรัสเซีย

3. ตุรกี

วันที่ 26 พฤศจิกายน 2561 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า องค์กร Open Society Foundations (OSF) ในตุรกี ต้องหยุดกิจการทั้งหมด หลังรัฐบาลตุรกีทำการสืบสวนเครือข่ายองค์กร OSF จนนำไปสู่การจับกุมผู้บริหาร นักเคลื่อนไหว และนักวิชาการในเครือข่าย OSF รวมทั้งหมด 13 คน เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2561 ซึ่งกลุ่มคนในเครือข่ายของนายจอร์จ โซรอส ตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่า อยู่เบื้องหลังการประท้วงต่อต้านรัฐบาลครั้งรุนแรง เมื่อปี 2556 (The 2013 Gezi Park protests)

นายเรเซป เทย์ยิป เออร์โดกัน (Recep Tayyip Erdoğan) ประธานาธิบดีตุรกี ได้กล่าวแถลงการณ์ประณามนักเคลื่อนไหวเครือข่าย OSF ทั้ง 13 คนที่ถูกจับกุม โดยระบุว่า บุคคลเหล่านี้ ให้การสนับสนุนนายออสแมน คาวาลา (Osman Kavala) ประธานกรรมการองค์กร Anadolu Kultur center ซึ่งเป็น NGO ด้านสิทธิมนุษยชนที่อยู่เบื้องหลังการประท้วงต่อต้านรัฐบาลในปี 2556

“คนคนนั้น (นายออสแมน คาวาลา) สนับสนุนเงินทุนให้แก่พวกก่อการร้ายในเหตุการณ์ Gezi ตอนนี้เขาอยู่ในเรือนจำ แล้วใครที่อยู่เบื้องหลังเขาล่ะ? นายโซรอส ชาวฮังกาเรียนเชื้อสายยิวผู้โด่งนี่เอง ชายคนนี้สั่งให้คนของเขา มาทำให้ประเทศชาติและประชาชนแตกแยก เขามีเงินมากมายมหาศาล และเขาก็เอาเงินมาทำแบบนี้”

ทั้งนี้ สื่อท้องถิ่นในตุรกีรายงานว่า จากการสืบสวนเส้นทางการเงิน พบว่า ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2554 จนถึงเดือนเมษายน 2560 พบหลักฐานการโอนเงินจาก OSF ของนายโซรอส ไปยัง Anadolu Kultur center ของนายออสแมน คาวาลา รวมเป็นเงินทั้งหมด 1.9 ล้านลีรา (ประมาณ 7.6 ล้านบาท)

นอกจากนี้ นับตั้งแต่เหตุการณ์ก่อรัฐประหารที่ล้มเหลวเมื่อเดือนกรกฎาคม 2559 เป็นต้นมา ชาติตะวันตกที่เคยเป็นพันธมิตรกับรัฐบาลเออร์โดกัน ก็ออกแถลงการณ์ประณามรัฐบาลเออร์โดกัน ในทุก ๆ ครั้งที่มีการจับกุมนักเคลื่อนไหว หรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับการก่อรัฐประหาร

4. โปแลนด์

วันที่ 14 สิงหาคม 2561 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นาง Lyudmyla Kozlovska แกนนำนักเคลื่อนไหวชาวยูเครน ถูกรัฐบาลโปแลนด์ขึ้นบัญชีห้ามเข้าประเทศโปแลนด์และสหภาพยุโรป ซึ่งเธอเป็นประธานกรรมการ Open Dialog Foundation (ODF) องค์กร NGO ในเครือของนายจอร์จ โซรอส ในขณะที่นาย Bartosz Kramek สามีของนาง Lyudmyla Kozlovska ก็เป็นแกนนำฝ่ายต่อต้านรัฐบาลโปแลนด์

ทั้งนี้ รัฐบาลโปแลนด์ระบุว่า นาง Lyudmyla Kozlovska ถูกขึ้นบัญชีห้ามเข้าประเทศ เนื่องจากเธอมีพฤติกรรมที่เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของโปแลนด์ และแกนนำนักเคลื่อนไหวชาวยูเครนรายนี้ ยังละเมิดกฎระเบียบข้อบังคับ ว่าด้วยระบบฐานข้อมูลเชงเกนของสหภาพยุโรป (SIS – Schengen Information System) โดยเมื่อเธอนั่งเครื่องบินจากกรุงเคียฟ ประเทศยูเครน มายังกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เจ้าหน้าที่ตม.ของเบลเยียม ไม่อนุญาตให้เธอเข้าประเทศ พร้อมกับส่งตัวเธอให้บินกลับไปยังกรุงเคียฟ

5. ปากีสถาน

วันที่ 13 ธันวาคม 2560 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า รัฐบาลปากีสถานมีคำสั่งให้ยกเลิกใบอนุญาต NGO 10 องค์กร เนื่องจากตลอดหลายปีมานี้ รัฐบาลปากีสถานพบว่ามี NGO บางองค์กร ที่แอบทำงานเป็นสายลับจารกรรมข้อมูลความมั่นคง โดยใช้งานด้านมนุษยธรรมหรืองานการกุศลเป็นฉากบังหน้า ซึ่ง 1 ใน 10 องค์กรนี้ มี Open Society Foundations รวมอยู่ด้วย 

ก่อนหน้านี้ เมื่อปี 2554 รัฐบาลปากีสถานก็เคยขับไล่กลุ่มชาวต่างชาติ ที่เป็นคณะผู้บริหาร “Save The Children” หลังพบว่าองค์กรนี้ มีความเกี่ยวข้องกับแพทย์ชาวปากีสถานที่เคยช่วย CIA ตามล่านายโอซามา บินลาเดน (Osama bin Laden) หัวหน้ากลุ่มการร้าย “อัลกออิดะห์”

6. จีน

บทความเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2562 ในเว็บไซต์ของนายจอร์จ โซรอส ระบุว่านายโซรอสมีส่วนสำคัญในการร่วมก่อตั้งกองค์กร “กองทุนจีน” หรือ “China fund” เมื่อเดือนตุลาคม 2529 แต่เนื่องจากตำรวจจีนสามารถเข้าแทรกแซงองค์กรได้สำเร็จ บวกกับความขัดแย้งภายในขององค์กร นายโซรอสจึงตัดสินใจปิดองค์กรนี้ลง ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่จะเกิดโศกนาฏกรรมเทียนอันเหมินในปี 2532

ต่อมา ในเดือนมกราคม 2559 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายโซรอส ได้ขึ้นกล่าวบนเวทีเสวนาในงาน World Economic Forum ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ โดยนายโซรอสระบุว่าเศรษฐกิจจีน จะตกต่ำลงอย่างรุนแรง ซึ่งคำพูดของนายโซรอส ก่อให้เกิดความหวาดกลัวอย่างมาก ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นโดยรวมของจีนในช่วงนั้น ล่วงลงไปถึง 22% ซึ่งทางการจีนได้ประณามคำพูดของนายโซรอส โดยชี้ว่าเป็นความพยายามก่อสงครามเศรษฐกิจกับประเทศจีน พร้อมกับเตือนนายโซรอสว่า เขาไม่มีทางล้มค่าเงินหยวนและค่าเงินดอลลาร์ฮ่องกงได้สำเร็จ

แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2561 นายไมเคิล คอฟ์ริก (Michael Kovrig) อดีตนักการทูตชาวแคนาดา ถูกทางการจีนควบคุมตัว หลังจากที่นางเมิ่ง หว่านโจว (Meng Wanzhou; 孟晚舟) ผู้บริหารฝ่ายการเงิน (CFO) ของบริษัทหัวเว่ย ถูกตำรวจแคนาดาควบคุมตัวเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2561 ซึ่งนายไมเคิล คอฟ์ริก มีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาอาวุโสของ International Crisis Group (ICG) องค์กรวิจัย หรือ “Think Tank” ด้านการต่างประเทศ ที่มีนายจอร์จ โซรอส และนายอเล็กซานเดอร์ โซรอส (Alexander Soros – ลูกชาย) เป็นคณะกรรมการ ICG
.
จึงทำให้สามารถประเมินได้ว่า รัฐบาลจีนใช้นโยบาย “ตาต่อตา ฟันต่อฟัน” กับชาติตะวันตกที่จับผู้บริหารของหัวเว่ย ด้วยการจับที่ปรึกษาอาวุโส ICG ซึ่งเป็นเครือข่ายของนายโซรอส และ ICG ก็ยังเป็นองค์กร Think Tank ที่ได้รับความไว้วางใจจากทั้งอดีตนักการเมืองของทั้งพรรคเดโมแครต และพรรครีพับลิกัน โดยเฉพาะ พลเอก คอลิน พอเวลล์ (Gen. Colin Powell) อดีตรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ที่เคยโกหกในเวทีการประชุมสหประชาชาติ ว่าอิรักมีอาวุธชีวภาพทำลายล้างสูง เพื่อชักจูงให้ชาติพันธมิตรร่วมทำสงครามถล่มอิรัก

7. อินเดีย

วันที่ 29 กันยายน 2563 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า รัฐบาลอินเดีย ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี (Narendra Modi) ได้สั่งอายัดบัญชีธนาคาร ขององค์กรนิรโทษกรรมสากล หรือ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล อินเดีย (Amnesty International India) เป็นผลให้ทั้งองค์กร ไม่สามารถเคลื่อนไหวภายในประเทศอินเดีย

แอมเนสตี้ ระบุว่าเพิ่งจะทราบเมื่อวันที่ 10 กันยายน ว่าบัญชีธนาคารในอินเดียถูกรัฐบาลสั่งอายัด ซึ่งทำให้จำเป็นต้องปลดพนักงานออก รวมถึงยุติกิจกรรมรณรงค์ และโครงการวิจัยทั้งหมด ซึ่งมีการเปิดโปงในต่างประเทศว่า องค์กรแอมเนสตี้ในสหรัฐฯ และองค์กรแอมเนสตี้ในไอร์แลนด์ ได้รับเงินทุนสนับสนุนจาก Open Society Foundations ของนายจอร์จ โซรอส

8. ฮังการี

รัฐบาลฮังการี ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี วิกเตอร์ ออร์แบน (Viktor Orbán) แม้ว่าเขาจะเคยได้รับทุนการศึกษาจากมูลนิธิโซรอส (Soros Foundation) เพื่อไปศึกษาต่อที่คณะรัฐศาสตร์ของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด แต่เมื่อกลับมาลงเล่นการเมืองในฮังการี นอกจากจะไม่ทำตามเป้าหมายของนายโซรอส ผู้เป็นนายทุนที่เคยให้ทุนการศึกษาแก่ตนแล้ว ยังออกนโยบายที่ไม่เป็นผลเสียกับเครือข่ายของนายโซรอส เพื่อยับยั้งปัญหาที่เกิดขึ้นกับประเทศฮังการี 

หลังจบการศึกษาจากออซ์ฟอร์ด แล้วกลับมาทำงานด้านการเมืองที่บ้านเกิด และก้าวขึ้นมาเป็นนายกฯบริหารประเทศฮังการี นายวิกเตอร์ ออร์แบน ก็พบว่า นายทุนผู้เคยสนับสนุนเงินการศึกษาให้แก่เขาในสมัยหนุ่ม ๆ นั้น เป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการบังคับให้ประเทศต่าง ๆ ในสหภาพยุโรป ต้องเปิดพรมแดนให้ผู้อพยพจากตะวันออกกลางและแอฟริกาเข้ามาภายในประเทศ เขาจึงตัดสินใจเสนอร่างกฎหมายฉบับใหม่ที่มีชื่อว่า “Stop Soros” เพื่อหยุดยั้งนายจอร์จ โซรอส ทั้ง ๆ ที่ฮังการีเป็นบ้านเกิดของนายโซรอส และเพื่อขัดขวางเครือข่าย NGOs ของนายโซรอส ที่พาผู้อพยพจำนวนมากเข้ามาในฮังการี

ซึ่งร่างกฎหมาย “Stop Soros” ถูกร่างขึ้นจนแล้วเสร็จ และได้รับการรับรองจากเสียงส่วนใหญ่ในรัฐสภาฮังการี เมื่อเดือนมิถุนายน 2561 โดยมีกฎข้อบังคับให้องค์กร NGOs ที่รับเงินจากเครือข่ายของนายโซรอส หรือรับเงินจากต่างชาติ ต้องเสียภาษี 25% และหาก NGOs องค์กรใดแอบลักลอบพาผู้อพยพเข้ามาในประเทศฮังการี ก็จะต้องถูกลงโทษจำคุกตามที่ร่างกฎหมาย “Stop Soros” กำหนด 

และด้วยเงื่อนไขของร่างกฎหมาย “Stop Soros” สำนักข่าวต่างประเทศจึงรายงานเมื่อเดือนพฤษภาคม 2561 ว่า องค์กร Open Society Foundations (OSF) จำเป็นต้องย้ายสำนักงานจากฮังการี ไปอยู่ที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี เนื่องจากร่างกฎหมาย “Stop Soros” ทำให้ OSF และเครือข่าย ไม่สามารถเคลื่อนไหวในฮังการีต่อไปได้ 

เช่นเดียวกับมหาวิทยาลัยเซ็นทรัลยูโรเปียน (Central European University – CEU) ก็ถูกรัฐบาลฮังการีกดดันอย่างหนัก จนต้องย้ายมหาวิทยาลัยไปอยู่ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ซึ่งมหาวิทยาลัย CEU นี้ ก่อตั้งโดยนายจอร์จ โซรอส เมื่อปี 2534 ซึ่งแนวคิดด้านวิชาการของ CEU โดยเฉพาะเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ย่อมมีแนวคิดแบบเดียวกับเจ้าของผู้ก่อตั้ง และย่อมมีแนวคิดหัวรุนแรง คล้าย ๆ หรือมากกว่า มหาวิทยาลัยหลายแห่งทั่วโลก

ถือเป็นเวลานานหลายสิบปี ที่องค์กร Open Society Foundations (OSF) และองค์กรในเครือข่ายของนายจอร์จ โซรอส แทรกซึมเข้าไปในประเทศต่าง ๆ และแทรกแซงกิจการภายในของแต่ละประเทศ ซึ่งรวมถึงสหรัฐฯ โดยตลอด 5 ปีที่มานี้ อิทธิพลของนายโซรอส ได้ถูกกระแสตีกลับจากรัฐบาลในหลายประเทศ เพื่อตอบโต้กลับไปยังเครือข่ายของนายโซรอส ที่ก้าวก่ายกิจการของประเทศต่าง ๆ และหยุดยั้งไม่ให้เสถียรภาพของประเทศ ถูกกัดกร่อนไปมากกว่านี้ ซึ่งกรณีของ 8 ประเทศนี้ เป็นกรณีศึกษาที่ประเทศไทยควรทำความเข้าใจ และเรียนรู้ให้เข้าใจถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ 

——————————-

แหล่งข่าว

ฟิลิปปินส์
– https://newspunch.com/duterte-soros-bounty/
– https://redice.tv/news/president-duterte-kicks-rothschilds-out-of-philippines
– http://rinf.com/alt-news/newswire/president-duterte-kicks-rothschilds-out-of-philippines/
– https://www.washingtonpost.com/world/asia_pacific/duterte-declares-martial-law-on-southern-philippine-island-of-mindanao/2017/05/23/cf77fcae-3fd0-11e7-adba-394ee67a7582_story.html

รัสเซีย
– https://www.reuters.com/article/russia-soros-idUSL1N13P22Y20151130

ตุรกี
– https://www.reuters.com/article/us-turkey-security-soros/soros-foundation-to-close-in-turkey-after-attack-by-erdogan-idUSKCN1NV1KL

โปแลนด์
– https://www.minareport.com/2018/08/18/poland-deports-top-soros-organizer-and-agitator-back-to-ukraine/
– https://www.rferl.org/a/ukrainian-rights-activist-kozlovska-open-dialog-says-poland-barred-her-travel-eu-shengen-zone/29444793.html

ปากีสถาน
– https://www.reuters.com/article/us-pakistan-aid/pakistan-orders-george-soros-foundation-other-aid-groups-to-close-idUSKBN1E71N7

จีน
– https://www.georgesoros.com/2019/01/24/remarks-delivered-at-the-world-economic-forum-2/
– https://asia.nikkei.com/Politics/Battle-erupts-between-Xi-Jinping-and-George-Soros2
– https://www.crisisgroup.org/who-we-are/people/michael-kovrig
– https://www.crisisgroup.org/who-we-are/board
– https://www.crisisgroup.org/how-we-work

อินเดีย
– https://www.facebook.com/thvi5ion/posts/660425594896271
– https://www.amnestyusa.org/press-releases/new-nonprofit-leaders-to-receive-boost-from-open-society/
– https://www.amnesty.ie/who-we-are/how-were-run/how-are-we-funded/

ฮังการี
– https://www.nytimes.com/2018/05/15/world/europe/soros-philanthropy-hungary-viktor-orban.html
– https://www.theguardian.com/world/2018/jun/20/hungary-passes-anti-immigrant-stop-soros-laws
– https://www.theguardian.com/world/2018/oct/25/university-founded-by-george-soros-forced-out-of-hungary
– https://www.theguardian.com/world/2019/nov/16/ceu-classes-move-to-vienna-orban-hungary-ousts-university


ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
Website : http://www.thailandvision.co
Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision

Continue Reading

Scoop

เจาะลึกความเชื่อมโยง ม็อบปลดแอกและกลุ่มทุนต่างชาติ

Published

on

เมื่อวานนี้ ( 8 ตุลาคม 2563 ) ได้มีกลุ่มการเมืองนำเอาคลิปการอภิปรายในสภาผู้แทนเยอรมัน ของ Dr.Frithjof Schmidt ส.ส.จากพรรคกรีน โดยนาย Frithjof ได้อ้างถึงสถานการณ์ความเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตยในประเทศไทย และโจมตีรัฐบาลไทย โดยเสนอให้เยอรมนี กระทำการยกเลิกสัญญาทางการค้ากับไทยเพื่อตอบโต้ รวมทั้งโจมตีรัฐบาลเยอรมัน ที่ปล่อยให้ กษัตริย์ของไทย เข้ามาสั่งการทางการเมืองในประเทศได้


จากการนำเสนอข่าวของ Thailandvision เมื่อไม่นานมานี้ เราได้นำเสนอความเชื่อมโยงของกลุ่มทุนและเครือข่ายทางการเมืองต่างๆ รวมไปถึง พรรคกรีน พรรคการเมืองฝ่ายซ้ายในยุโรป ที่ได้รับการสนับสนุนผ่านทาง Heinrich Boll Stiftung และ Open Society Foundation ซึ่งเป็นเครือข่ายของ จอร์จ โซรอส

จึงเป็นเรื่องที่สามารถคาดการณ์ได้ หากจะมีนักการเมืองจากพรรคดังกล่าว และ กลุ่มเคลื่อนไหวที่สอดประสานกันทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ที่ช่วยกันโจมตีประเด็นนี้ เพื่อหวังผลให้เกิดความเคลื่อนไหวในประเทศไทยในเวลาอันใกล้

Thailandvision จึงขอนำข้อมูลดังกล่าวมานำเสนออีกครั้ง พร้อมภาพและข้อมูลเท่าที่เปิดเผยได้


จากความเคลื่อนไหวในต่างประเทศ ที่องค์กร PixelHELPER กระทำการใส่ร้ายโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย ซึ่งนำโดยนายโอลิเวอร์ เบียนคอฟสกี (Oliver Bienkowski) และนางจรรยา ยิ้มประเสริฐนั้น เมื่อสำรวจข้อมูลจากแหล่งข่าวต่างๆ พบว่ามีข้อมูลที่บ่งชี้ว่า การเคลื่อนไหวในต่างประเทศ มีความสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงกับกลุ่มการเมืองและกลุ่มทุน ทั้งในต่างประเทศ และในประเทศไทย ซึ่งข้อมูลความเชื่อมโยงในแต่ละส่วนที่เกี่ยวข้องกัน มีรายละเอียดดังนี้

Open Society Foundation (OSF)

• การเคลื่อนไหวใส่ร้ายโจมตีพระมหากษัตริย์ไทย โดยองค์กร PixelHELPER ของนายโอลิเวอร์ เบียนคอฟสกี (Oliver Bienkowski) ร่วมกับนางจรรยา ยิ้มประเสริฐ เจ้าของโปรเจกต์ ACT4DEM โดยใช้การฉายภาพเลเซอร์ ที่มีเนื้อหาเป็นข้อมูลอันเป็นเท็จ และการกล่าวหากรณีการหายตัวไปของนายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ และการกล่าวหาในประเด็นของการละเมิดสิทธิมนุษยชน รวมไปถึงการทำคลิปดีปเฟก (deep fake) ตัดต่อภาพและเสียงของพระมหากษัตริย์ไทย โดยใช้เสียงพากย์ของจอม เพชรประดับ และ นายเอนก ชัยชนะ ซึ่งนอกจากองค์กร PixelHELPER แล้ว นายโอลิเวอร์ยังเป็นเจ้าของบริษัท CAVEMAN ที่รับงานทำแคมเปญการเมืองให้กับพรรค BÜNDNIS 90/DIE GRÜNEN พันธมิตรของ Heinrich Böll Stiftung และพรรค SPD พันธมิตรของ Friedrich Ebert Stiftung

จรรยา ยิ้มประเสริฐ
โอลิเวอร์ เบียนคอฟสกี

• ทั้ง Heinrich Böll Stiftung และ Friedrich Ebert Stiftung เป็นองค์กร NGO ที่รับเงินร่วมสนับสนุนจาก Open Society Foundation (OSF) ของนายจอร์จ โซรอส ซึ่งทั้ง 3 องค์กรนี้ คอยสนับสนุนเงินทุนให้แก่กลุ่มนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ทั้งในเยอรมนี และในประเทศอื่นๆ รวมถึงในไทยด้วยเช่นกัน

• อีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ สำนักข่าว Bild ในเยอรมนี ที่ทำข่าวความเคลื่อนไหวของนายโอลิเวอร์ นางจรรยา และทีมงาน ที่เคลื่อนไหวโจมตีพระมหากษัตริย์ไทย แต่เมื่อสืบประวัติและที่มาที่ไปก็พบว่า สำนักข่าว Bild เป็นธุรกิจสื่อในเครือของบริษัท axel springer_ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของสำนักข่าว BUSINESS INSIDER

axel springer_

• เมื่อสืบค้นต่อไปถึงข้างบน ก็พบชื่อของนายเมเธียส ดอปฟ์เนอร์ (Mathias Döpfner) เป็น CEO บริษัท axel springer_ และเป็นกรรมการ (director) บริษัท Netflix ส่วนอีกคนหนึ่งที่น่าสนใจมาก คือนายมาร์ติน วาร์ซาฟสกี (Martín Varsavsky) กรรมการ axel springer_ ซึ่งปรากฏว่า นายมาร์ติน เป็นผู้ที่คุ้นเคยกับนายจอร์จ โซรอส (George Soros) เป็นอย่างดี เนื่องจากนายโซรอส เป็นลูกค้าคนแรกที่ซื้อหุ้นบริษัท Viatel ของนายมาร์ติน จึงทำให้ทราบได้ว่านายโซรอสเชื่อมโยงกับบริษัท axel springer_ ผ่านนายมาร์ติน และยิ่งทำให้เห็นภาพรวมที่ชัดเจนยิ่งขึ้นว่า สายสัมพันธ์ทางการเงินและทางการเมืองในต่างประเทศ มีความเกี่ยวข้องกับการเมืองไทย

• เป็นที่รู้โดยทั่วกันว่าองค์กร Open Society Foundation (OSF) เป็นของนายจอร์จ โซรอส (George Soros) ผู้มีอิทธิพลทางการเมืองและเศรษฐกิจทั่วโลก เคยปรากฏเป็นข่าวว่าเป็นผู้สนับสนุนการเคลื่อนไหวทางสังคม กลุ่ม Black Lives Matter ในสหรัฐฯ และ มีส่วนเกี่ยวข้องเกี่ยวกับการสนับสนุนผู้ประท้วงต่อต้านกฎหมายของประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ในฮ่องกง อีกยังเคยตกเป็นข่าวว่าเป็นผู้สนับสนุน แนวคิดการลดทอนความเป็นชาตินิยมในประเทศกลุ่มสังคมโลกตะวันตก สำหรับประเทศไทยนั้น นาย จอร์จ โซรอส เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย ในปี ค.ศ. 1997 จากการโจมตีค่าเงินบาทของไทย

• เมื่อสืบค้นดูข้อมูลทางการเงินของ OSF เพิ่มเติมก็เห็นได้ว่า เส้นทางการเงินได้เชื่อมโยงมาถึง Freedom House, Human Rights Watch, FCCT, ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน (TLHR), และ Amnesty International โดย Amnesty สามารถเชื่อมโยงถึงพรรคอนาคตใหม่ได้ ผ่านนายชำนาญ จันทร์เรือง รองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งนายชำนาญ เคยเป็นประธาน Amnesty International Thailand เช่นเดียวกับ Demosisto พรรคการเมืองในฮ่องกงของนายโจชัว หว่อง (Joshua Wong) ก็ได้รับการสนับสนุนจาก Amnesty International เหมือนกัน

• อีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจคือ ช่วงที่กลุ่มนักเคลื่อนไหวในไทย มีการทำแคมเปญโฆษณา “นัดรวมพล ลิเวอร์พูลกับประชาธิปไตย” ขายเสื้อระดมทุนจัดกิจกรรม ผ่านเลขที่บัญชีธนาคาร โดยมีชื่อของนายศศวัชร์ คมนียวนิช และนางสาวอรัญญิกา จังหวะ เป็นเจ้าของบัญชีธนาคาร ซึ่งนายศศวัชร์มีตำแหน่งเป็นเหรัญญิกของ Amnesty International Thailand ทำให้ทราบได้ว่า บุคลากรขององค์กร Amnesty International Thailand ที่ได้รับเงินจาก OSF เป็นผู้ดูแลการระดมเงินจัดกิจกรรมทางการเมือง

นายศศวัชร์มีตำแหน่งเป็นเหรัญญิกของ Amnesty International Thailand

• เส้นทางการเงินของ OSF ยังเชื่อมโยงไปถึงกลุ่มองค์กรอีกหลายแห่ง ได้แก่ โครงการ Café Democracy ของห้องสมุด Book Re:public จังหวัดเชียงใหม่, iLaw, Thai Netizen Network, สำนักข่าวประชาไท, มูลนิธิผสานวัฒนธรรม, และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

• มีเอกสารหลักฐานพิสูจน์ชัดเจนว่า OSF สนับสนุนเงินทุนไม่ต่ำกว่า 1.5 ล้านบาท ให้แก่ม.ธรรมศาสตร์และโครงการ “ศูนย์ข้อมูลประชาธิปไตย” ของสำนักงานห้องสมุดม.ธรรมศาสตร์ เพื่อจัดทำระบบฐานข้อมูลทางการเมืองและตำราการเรียนการสอน ซึ่งในม.ธรรมศาสตร์ มีมูลนิธิโครงการตำราฯ รวมอยู่ด้วย อีกทั้งความเคลื่อนไหวของนักศึกษา ทั้งพรรคใต้เตียงมธ. และสหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนท.) ที่มี “เพนกวิน” พริษฐ์ ชิวารักษ์ เป็นแกนนำ ก็เป็นความเคลื่อนไหวที่เชื่อมโยงกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ได้รับเงินจาก OSF

• มูลนิธิเสฐียรโกเศศ-นาคะประทีป ของนายสุลักษณ์ ศิวรักษ์, ห้องสมุดสันติประชาธรรมของเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล, และกลุ่มการศึกษาเพื่อความเป็นไท ที่นายเนติวิทย์ และนายเพนกวินเคยเป็นสมาชิกคนสำคัญ โดยทั้ง 3 องค์กรนี้ รวมถึงบุคคลที่บริหารองค์กรเหล่านี้ ล้วนแล้วมีความเชื่อมโยงในการทำงานร่วมกับสำนักข่าวประชาไท ซึ่งได้รับเงินจาก OSF ของนายโซรอส

• ส่วน องค์กร FORSEA ของนายปวิน ชัชวาลย์พงศ์พันธ์ แอดมินกลุ่มรอยัลลิสต์ มาร์เก็ตเพลส ก็มีความเชื่อมโยงกับ Amnesty International โดยได้มีการรวมกลุ่มทำงาน ชื่อว่า “พลังใหม่เอเชียอาคเนย์” ร่วมกับ นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข , เนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล (อดีตกรรมการแอมเนสตี้) , ศรัญญา แก้วประเสริฐ และ นาดีน อูบี นักเคลื่อนไหวทางการเมืองในยุโรป ซึ่ง องค์กร FORSEA เคยทำกิจกรรม แถลงการณ์ประณามประเทศไทยในหลายเหตุการณ์ อาทิ จ่านิวถูกทำร้ายร่างกาย , การหายตัวไป ของ วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ และล่าสุด องค์กร FORSEA ก็ได้ทำการโปรโมท กลุ่มรอยัลลิสต์ มาร์เก็ตเพลส อย่างเต็มตัว


National Endowment for Democracy (NED)

• ย้อนกลับขึ้นไปดูปีก National Endowment for Democracy (NED) มีหลักฐานจากเว็บไซต์ NED ที่ระบุชัดเจนว่า Open Society Institute Think Tank Fund ของนายโซรอส เป็นผู้สนับสนุน The Network of Democracy Research Institutes (NDRI) หน่วยงานในเครือข่ายของ NED และเมื่อคลิกไปที่ Open Society Institute Think Tank Fund ปรากฏว่าเป็นลิงค์ที่เชื่อมไปยังเว็บไซต์ OSF

• เมื่อปี 2019 บริษัท The 101 Percent Co., Ltd. เจ้าของสื่อออนไลน์ The 101.world ได้รับเงินจาก NED 70,000 ดอลลาร์สหรัฐ (2.1 ล้านบาท) โดยที่บุคลากรจำนวนมากของ The 101.world ก็ทำงานให้กับสื่อในเครือเดียวกัน ทั้ง The MATTER, The MOMENTUM, a day, และ สำนักพิมพ์ SALT ซึ่งมีอีกสิ่งที่น่าสังเกตก็คือ ตำแหน่งที่ตั้งของ บริษัทที่รับเงิน NED อย่างบริษัท The 101 Percent Co., Ltd. นั้น อยู่ในละแวกเดียวกันกับสำนักพิมพ์ Openworlds ซึ่งเคยบริหารโดยนายภิญโญ ไตรสุริยธรรมา และ สฤณี อาชวานันทกุล แต่สำนักพิมพ์นี้ปิดตัวลงไปแล้วเมื่อปี 2018 ส่วนนาย “แชมป์” ทีปกร วุฒิพิทยามงคล ผู้ก่อตั้ง The MATTER ปัจจุบันเป็นทีมผู้บริหาร Netflix Thailand ในประเทศสิงคโปร์ ซึ่ง Netflix มีนายเทเธียส ดอปฟ์เนอร์ (Mathias Döpfner) CEO บริษัท axel_springer_ และนางซูซาน ไรซ์ (Susan Rice) อดีตที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ เป็นบอร์ดคณะกรรมการ (directors) ของ Netflix

• แม้ว่าองค์กร NED จะระบุว่าตนเองสนับสนุนการเคลื่อนไหวระบอบประชาธิปไตย ในประเทศต่าง ๆ พร้อมกับจัดสรรเงินทุนให้แก่กลุ่มการเมืองและองค์กร NGO ทั่วโลก แต่ในความจริงนั้น NED มีส่วนร่วมสนับสนุนการก่อรัฐประหารในหลายประเทศ เช่น ยูเครน 2014, เฮติ 2004, และเวเนซุเอลา (ล้มเหลวทั้ง 2 ครั้ง – 2002 และ 2019) ซึ่งนายอัลเลน ไวน์สตีน (Allen Weinstein) ผู้ร่วมก่อตั้ง NED เคยกล่าวกับหนังสือพิมพ์ Washington Post ว่า “หลายสิ่งที่เราทำ คือสิ่งที่ CIA เคยทำมาโดยตลอด 20 ปี”

• นอกจากนี้ ยังพบข้อมูลอีกว่า THE ISAAN RECORD, TCIJ, มูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม (Thai Volunteer Service), Asian Network for Free Elections Foundation (ANFREL), และสมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน (สสส. – Union for Civil Liberty) องค์กรเหล่านี้ ล้วนแล้วได้รับเงินจาก NED หลายล้านบาท โดยเมื่อปี 2019 THE ISAAN RECORD ได้ 45,000 ดอลลาร์, มูลนิธิอาสาสมัครฯ ได้ 72,000 ดอลลาร์, ANFREL ได้ 100,000 ดอลลาร์ และสสส. ได้ 125,500 ดอลลาร์

• สิ่งสุดท้ายที่น่าสังเกตก็คือ องค์กร ANFREL, สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน, และมูลนิธิผสานวัฒนธรรม ทั้ง 3 องค์กรนี้ ล้วนมีตำแหน่งที่ตั้งอยู่ในที่เดียวกัน คือที่ซอยสิทธิชน ถนนสุทธิสารวินิจฉัย แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง

คำอธิบายและแผนผังทั้งหมดนี้ จะช่วยให้ผู้อ่านสามารถเข้าใจ และเห็นภาพรวมที่เกิดขึ้น เกี่ยวกับความเคลื่อนไหวทางการเมือง ทั้งในไทยและต่างประเทศ ซึ่งมีความเชื่อมโยงกัน ทั้งในด้านการเงิน และความสัมพันธ์ของกลุ่มการเมืองต่าง ๆ

แหล่งข่าว

  • https://www.opensocietyfoundations.org/uploads/2519658d-a95b-44bd-b9d3-edec9039de24/partners_20090720_0.pdf
  • https://www.britannica.com/biography/George-Soros
  • https://www.ned.org/ideas/network-of-democracy-research-institutes-ndri/ndri-think-tank-resources/
  • https://thegrayzone.com/2018/08/20/inside-americas-meddling-machine-the-us-funded-group-that-interferes-in-elections-around-the-globe/
  • https://english.martinvarsavsky.net/tag/financial-crisis
  • https://media.netflix.com/en/press-releases/mathias-döpfner-appointed-to-netflix-board-of-directors
  • https://journal-neo.org/2019/03/20/us-and-soros-take-stab-at-thai-elections/
  • http://www.siammanussati.com/จอร์จ-โซรอส-หลังเลือดไ/
  • https://www.ned.org/region/asia/thailand-2019/

Continue Reading
Advertisement

The Latest News

Trending